วันที่ 24 พฤศจิกายน 2560 นายเลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานประชุมหารือแนวทางการพัฒนาเกษตรอัจฉริยะของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ณ ห้องประชุมปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยมีผู้เข้าร่วมประชุม ประกอบด้วย นายคมสัน จำรูญพงษ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นางสาววราภรณ์ พรหมพจน์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นางพรรณพิมล ชัญญานุวัตร ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) เจ้าหน้าที่จากสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร และสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ Gistda เข้าร่วมการหารือแนวทางการพัฒนาเกษตรอัจฉริยะ (เกษตร 4.0) ให้เห็นผลเป็นรูปธรรมในปี 2561

ผลการหารือได้เลือกพื้นที่ "ศูนย์บริการการพัฒนาปลวกแดงตามพระราชดำริ จังหวัดระยอง” เป็นพื้นที่นำร่องในการใช้ศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาตามพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และนำแนวทางเกษตรสมัยใหม่มาปรับใช้ในการพัฒนาและให้การเรียนรู้แก่เกษตรกรภายใต้โครงการพระราชดำริ โดยพื้นที่ดังกล่าวจะเป็นแหล่งเรียนรู้ด้านเกษตร 4.0 ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่เน้นการปฎิบัติได้จริงในพื้นที่ซึ่งมีความหลากหลายด้านการเกษตร ทั้ง ข้าว พืชไร่ พืชสวน ไม้ดอกไม้ประดับ ยางยางพารา รวมทั้งประมงและปศุสัตว์ ในพื้นที่ดินของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รวมพื้นที่ 1,300 ไร่ ซึ่งมีความพร้อมหลายด้าน เช่น มีแหล่งน้ำขนาดใหญ่ มีโครงสร้างพื้นฐานอาคารที่ดี มีเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินงานอยู่ในศูนย์ฯ มีนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมศูนย์อยู่เป็นประจำ มีองค์การบริหารส่วนจังหวัดให้การสนับสนุน

จากการพิจารณาข้อมูลรอบด้านแล้วเห็นว่าศูนย์บริการการพัฒนาปลวกแดงตามพระราชดำริ จังหวัดระยอง มีความเหมาะสมอย่างยิ่งในการจัดทำเป็นแปลงตัวอย่างให้กับเกษตรกรเพื่อเรียนรู้ในการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมในการเพิ่มผลผลิตและบริหารจัดการดิน น้ำ ปุ๋ยเคมี สารเคมี ซึ่งเป็นปัจจัยการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อลดต้นทุนการผลิต โดย Gistda จะนำเซ็นเซอร์มาใช้ในการวัดอากาศ อุณหภูมิ ความชื้นในอากาศ ความชื้นในดิน การไหลเข้าของน้ำ เป็นต้น รายงานผ่านแอปพลิเคชั่นเพื่อให้เกษตรกรสามารถตัดสินใจในการสั่งการปรับการใช้ปัจจัยการผลิตในแปลงพื้นที่ของตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเร็วๆ นี้จะมีการลงพื้นที่เพื่อเยี่ยมชมศูนย์ฯ เพื่อนำมากำหนดแนวทางและแผนปฏิบัติงานดำเนินงานดังกล่าวให้เห็นผลภายในปีงบประมาณ 2561